AI กฎหมาย หมายถึง การนำ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาประยุกต์ใช้ในด้านกฎหมาย เพื่อช่วยให้การทำงานด้านกฎหมายมีความรวดเร็ว ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยครอบคลุมหลายมิติ เช่น
AI กฎหมายใช้ อัลกอริทึม และ การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) วิเคราะห์ข้อมูลกฎหมาย เช่น คำพิพากษา กฎหมาย ข้อบังคับ และสัญญา เพื่อช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานกฎหมายทำงานได้เร็วและแม่นยำขึ้น
ตัวอย่างการใช้งาน:
วิเคราะห์และสรุปเอกสารสัญญา
ค้นหาข้อกฎหมายและคำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
ทำนายผลการตัดสินคดีจากข้อมูลในอดีต
ตรวจสอบความเสี่ยงทางกฎหมาย
ROSS Intelligence – ค้นหาคำพิพากษาและข้อกฎหมายแบบอัจฉริยะ
Lex Machina – วิเคราะห์ข้อมูลคดีความเพื่อประเมินกลยุทธ์
Kira Systems – ตรวจสัญญาและดึงประเด็นสำคัญออกมา
ChatGPT + กฎหมาย – ใช้สรุปข้อกฎหมาย, แปลภาษากฎหมาย, ช่วยร่างเอกสาร
ลดเวลาทำงานเอกสาร
เพิ่มความแม่นยำในการค้นหาข้อกฎหมาย
ช่วยให้ทนายและนิติกรโฟกัสกับการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์
ประหยัดค่าใช้จ่ายในการค้นคว้าและตรวจสอบข้อมูล
AI อาจไม่เข้าใจบริบททางกฎหมายทั้งหมด
อาจมีข้อผิดพลาดหากข้อมูลฝึกไม่ครบถ้วน
ต้องปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA / GDPR)
ไม่สามารถแทนที่การตีความของผู้เชี่ยวชาญได้ทั้งหมด
AI จะช่วยทำงานร่วมกับทนายความ (Lawyer + AI) ไม่ใช่แทนที่
การใช้ LegalTech + Blockchain เพื่อสร้างสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)
ระบบศาลดิจิทัล (e-Court) ที่มี AI ช่วยจัดการข้อมูลและตารางนัดพิจารณา
ในปัจจุบัน เทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) มีบทบาทสำคัญในหลายๆ ด้านของชีวิตประจำวัน รวมถึงการศึกษาด้วย โดยเฉพาะในการเรียนหลักสูตรนิติศาสตร์ในระดับปริญญาตรี การใช้ AI สามารถเสริมสร้างประสิทธิภาพการเรียนรู้และทำให้กระบวนการศึกษามีความสะดวกและเข้าถึงได้มากขึ้น วันนี้คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จะมาแนะนำโปรแกรมหรือแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักศึกษากฎหมายในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแต่ละโปรแกรมมีความโดดเด่นและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป
1. ChatGPT (OpenAI)
คุณสมบัติเด่น:
ช่วยตอบคำถามและวิเคราะห์ข้อกฎหมายทั่วไป
ใช้ช่วยค้นคว้าข้อมูลเบื้องต้นก่อนการศึกษาเชิงลึก
เหมาะสำหรับ: นักกฎหมายที่ต้องการคำแนะนำหรือไอเดียเริ่มต้นในการค้นคว้า
ค่าใช้จ่าย: มีเวอร์ชันฟรีสำหรับการใช้งานพื้นฐาน และมีบริการ ChatGPT Plus ที่มีค่าบริการรายเดือน $20 (ประมาณ 700 บาท) เพื่อการเข้าถึงที่รวดเร็วและฟีเจอร์เพิ่มเติม
2. Westlaw Edge
คุณสมบัติเด่น:
ใช้ AI ช่วยค้นข้อมูลกฎหมาย เช่น คำพิพากษา กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และบทความวิชาการ
มีฟังก์ชัน WestSearch Plus ที่ให้คำแนะนำหรือคำตอบเฉพาะเรื่องตามการป้อนคำถาม
ระบบ KeyCite สำหรับตรวจสอบว่าแนวคำพิพากษาหรือบทบัญญัติยังกฎหมายใช้งานได้หรือไม่
เหมาะสำหรับ: นักกฎหมายที่ต้องการคำตอบแม่นยำเกี่ยวกับกฎหมายในเขตอำนาจที่ครอบคลุม
ค่าใช้จ่าย: เป็นบริการที่ต้องสมัครสมาชิก โดยค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามแพ็กเกจและขนาดของสำนักงานกฎหมาย
3. Lexis+
คุณสมบัติเด่น:
ใช้ระบบ AI ที่ชื่อ Lexis Answers ช่วยตอบคำถามทางกฎหมาย
เครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้มของคำพิพากษา (Judicial Analytics)
ฟีเจอร์ที่ช่วยสร้างเอกสารทางกฎหมายโดยอัตโนมัติ
เหมาะสำหรับ: นักกฎหมายที่ต้องการเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและตัวช่วยในการจัดการเอกสาร
ค่าใช้จ่าย: ต้องสมัครสมาชิก ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่เลือกและขนาดขององค์กร
4. Casetext (CoCounsel)
คุณสมบัติเด่น:
ใช้ GPT-4 ในการช่วยค้นคว้าและเขียนเอกสารทางกฎหมาย
มีฟีเจอร์ Parallel Search ที่ค้นคำในเอกสารทางกฎหมายโดยไม่ต้องระบุคำสำคัญแบบเจาะจง
ช่วยสรุปคำพิพากษาหรือบทความยาวๆ ได้อย่างรวดเร็ว
เหมาะสำหรับ: นักกฎหมายที่ต้องการตัวช่วยค้นข้อมูลและจัดทำเอกสารแบบประหยัดเวลา
ค่าใช้จ่าย: มีค่าบริการรายเดือนประมาณ $65 (ประมาณ 2,260 บาท) ต่อผู้ใช้
5. Harvey AI
คุณสมบัติเด่น:
ออกแบบมาเพื่อสำนักงานกฎหมายโดยเฉพาะ
ช่วยวิเคราะห์ข้อกฎหมายและคำพิพากษาได้อย่างรวดเร็ว
มีความสามารถในการปรับแต่งโมเดลให้เหมาะสมกับกฎหมายในแต่ละเขตอำนาจ
เหมาะสำหรับ: สำนักงานกฎหมายที่ต้องการ AI ช่วยในงานประจำวัน
ค่าใช้จ่าย: เป็นบริการที่ต้องสมัครสมาชิก ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับขนาดและความต้องการของสำนักงานกฎหมาย
6. DoNotPay
คุณสมบัติเด่น:
ใช้ AI ช่วยแก้ไขปัญหาทางกฎหมายระดับพื้นฐาน เช่น การร่างจดหมายร้องเรียน
มีระบบสำหรับแก้ไขข้อพิพาทในเรื่องค่าปรับหรือบริการต่างๆ
เหมาะสำหรับ: บุคคลทั่วไปหรือนักกฎหมายที่ต้องการช่วยเหลือลูกความในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
ค่าใช้จ่าย: มีค่าบริการรายปีประมาณ $36 (ประมาณ 1,250 บาท)
7. Jus Mundi
คุณสมบัติเด่น:
เน้นข้อมูลทางกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น คำพิพากษาของศาลอนุญาโตตุลาการ
ใช้ AI เพื่อค้นข้อมูลกฎหมายในหลายภาษา
เหมาะสำหรับ: นักกฎหมายที่ทำงานเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ
ค่าใช้จ่าย: ต้องสมัครสมาชิก ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่เลือก
8. Blue J Legal
คุณสมบัติเด่น:
ใช้ AI ในการทำนายผลลัพธ์ของคดี
เน้นในประเด็นด้านกฎหมายภาษีและกฎหมายแรงงาน
เหมาะสำหรับ: นักกฎหมายที่ต้องการเครื่องมือวิเคราะห์และคาดการณ์ผลคดี
ค่าใช้จ่าย: เป็นบริการที่ต้องสมัครสมาชิก ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับขอบเขตการใช้งาน
9. Lawgeex
คุณสมบัติเด่น:
ช่วยวิเคราะห์สัญญาและตรวจสอบข้อกำหนดทางกฎหมาย
ลดเวลาการตรวจสอบเอกสารได้อย่างมาก
เหมาะสำหรับ: นักกฎหมายที่ทำงานเกี่ยวกับสัญญาหรือข้อตกลง
ค่าใช้จ่าย: ต้องสมัครสมาชิก ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับขนาดและความต้องการขององค์กร
การเลือกใช้งาน:
ขึ้นอยู่กับ เป้าหมายการใช้งาน เช่น หากต้องการเน้นงานวิจัยเชิงลึก Westlaw หรือ Lexis+ อาจเหมาะสม แต่หากเป็นการวิเคราะห์สัญญา Lawgeex อาจตอบโจทย์มากกว่า หรือหากต้องการช่วยเหลืองานทั่วไป ChatGPT ก็ใช้งานได้หลากหลายและประหยัดต้นทุน.
ข้อควรระวังในการใช้งาน:
AI เป็นเครื่องมือช่วยเหลือในการเรียน แต่ควรใช้ควบคู่กับการวิเคราะห์และการคิดเชิงวิพากษ์ของเราข้อมูลจาก AI อาจไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนเสมอ ควรตรวจสอบข้อมูลกับแหล่งที่เชื่อถือได้ แม้ AI จะมีประโยชน์ แต่ควรใช้อย่างรอบคอบและตรวจสอบความถูกต้องเสมอ เพราะ AI อาจไม่สามารถแทนที่การวิเคราะห์หรือการตัดสินใจของมนุษย์ในเรื่องทางกฎหมายที่ซับซ้อนได้ทั้งหมด
Keyword: #AI #ChatGPT #GenAI #เรียนนิติ #นิติหอการค้า #เรียนกฎหมาย #เป็นอัยการ #เป็นผู้พิพากษา #เป็นที่ปรึกษากฎหมาย #เป็นทนายความ #Law #LawUTCC #ปริญญาตรี