ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2023. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2022. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
ชื่อบุคคล. 2021. "ระบุชื่อบทความที่นี่." ชื่อวารสาร, 1 มกราคม 2023. ลิงก์บทความ.
✍ ผู้เขียน: โทดะ ไดสุเกะ
🏢 สำนักพิมพ์: อมรินทร์ How to
ความสำเร็จไม่ได้เกิดจาก “พรสวรรค์” หรือ “ความพยายามแบบหักโหม” แต่เกิดจาก การสร้างนิสัยเล็กๆ ที่ถูกต้อง และทำซ้ำอย่างต่อเนื่องโดยไม่ยอมเลิก
นิสัยเล็กๆ เปรียบเสมือน “หินก้อนเล็กที่ต่อกันจนกลายเป็นภูเขา” → เมื่อเราทำสิ่งเล็กๆ ซ้ำทุกวัน พลังสะสมจะยิ่งใหญ่และเปลี่ยนชีวิตได้
พลังของการกระทำเล็กๆ
ไม่ต้องเริ่มใหญ่ แค่ “เริ่มเล็ก แต่ทำต่อเนื่อง” เช่น อ่านวันละ 5 นาที, เดินวันละ 10 นาที
เล็กแต่ “ไม่เลิก” จะทรงพลังกว่าทำใหญ่แต่หยุดกลางคัน
ระบบ > เป้าหมาย
เป้าหมายคือภาพปลายทาง แต่สิ่งที่ทำให้สำเร็จจริงคือ “ระบบและนิสัยประจำวัน”
ถ้าโฟกัสที่ระบบ เราจะไม่กดดัน แต่จะเดินต่อได้เรื่อยๆ
สร้างวงจรความสำเร็จเล็กๆ
เริ่มทำ → สำเร็จเล็กๆ → เกิดความมั่นใจ → มีกำลังใจทำต่อ → สำเร็จเพิ่มขึ้น
ยิ่งสะสมวงจรนี้บ่อยเท่าไร ความสำเร็จใหญ่จะตามมา
จัดการอุปสรรคด้วยการลดแรงเสียดทาน
ทำให้ “การเริ่มต้น” ง่ายที่สุด เช่น อยากวิ่ง → วางรองเท้าวิ่งไว้หน้าประตู
อยากอ่านหนังสือ → วางหนังสือไว้ที่โต๊ะ ไม่ซ่อนในชั้น
เลิกใช้พลังใจเพียงอย่างเดียว
พลังใจมีจำกัด → แต่ “สิ่งแวดล้อมและนิสัย” ทำให้เราสามารถทำต่อได้โดยไม่เหนื่อย
เริ่มจาก 1% Progress → แค่ 1% ต่อวัน สุดท้ายรวมเป็นการเปลี่ยนใหญ่
ใช้ Mini Habit → ตั้งเป้าที่เล็กจนทำได้แน่นอน เช่น “เขียน 1 บรรทัด” แทนที่จะบังคับตัวเองให้เขียน 1 บท
Anchor Habit → ผูกนิสัยใหม่เข้ากับสิ่งที่ทำอยู่แล้ว เช่น หลังแปรงฟัน → อ่านหนังสือ 1 หน้า
Celebrate Small Wins → ดีใจกับชัยชนะเล็กๆ เพื่อสร้างแรงเสริม (Dopamine Effect)
Track Progress → บันทึกหรือเช็กทุกครั้งที่ทำ ช่วยสร้างความรู้สึกสำเร็จและไม่ขาดตอน
โทดะ ไดสุเกะ ถ่ายทอดจากประสบการณ์จริงว่า คนที่เปลี่ยนชีวิตได้ ไม่ใช่คนที่ “พยายามแบบสุดโต่ง” แต่คือคนที่ “ยึดมั่นในนิสัยเล็กๆ”
เช่น นักกีฬาระดับโลกที่รักษาระเบียบวินัยเล็กๆ ทุกวัน หรือคนธรรมดาที่เก็บหอมรอมริบจนกลายเป็นนักลงทุนใหญ่
เข้าใจว่าความสำเร็จไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม แค่เริ่มต้นจากสิ่งเล็กที่ทำได้
เทคนิคสร้างนิสัยเล็กๆ ให้กลายเป็นระบบชีวิต
วิธีเลิกโทษตัวเองที่ “ทำไม่ได้” แล้วเปลี่ยนเป็น “ทำให้ง่ายจนไม่พลาด”
กำลังใจและแรงบันดาลใจที่จะ “เดินต่อ” แม้วันละก้าวเล็กๆ
“ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของการทำสิ่งใหญ่ แต่คือการไม่เลิกทำสิ่งเล็กๆ ที่ถูกต้อง”
นี่คือหนังสือที่อ่านแล้ว อยากบอกต่อเพื่อน ทันที เพราะมันง่าย อ่านสนุก และชัดเจนว่า “ทุกคนทำได้”
ไม่เน้นทฤษฎียากๆ แต่เต็มไปด้วยเทคนิคที่ใช้ได้จริง
ช่วยให้เราเลิกกดดันตัวเอง แต่หันมาสร้าง “ระบบเล็กๆ” ที่พาเราไปไกล
ถือแล้วเท่ อ่านแล้วมีกำลังใจ และสำคัญที่สุด → ลงมือทำได้จริงทันที
คุณอยากให้ผมต่อยอดทำ “Checklist: 10 นิสัยเล็กๆ ที่สร้างความสำเร็จใหญ่” สำหรับใช้เป็น อินโฟกราฟิก 1 หน้า หรือ แบบฝึกหัดประจำวัน ไว้แจกในคอร์ส/เฟซบุ๊กด้วยไหมครับ?
คิดนอกสมอง (The Extended Mind: The Power of Thinking Outside the Brain)
ผมจะสรุปเนื้อหาหนังสือ “คิดนอกสมอง (The Extended Mind: The Power of Thinking Outside the Brain)” ของ Annie Murphy Paul โดยอิงเกณฑ์ อ่านแล้วอยากบอกต่อ ใช้ได้จริง มีคุณค่าและแรงบันดาลใจ
คิดนอกสมอง (The Extended Mind: The Power of Thinking Outside the Brain)
ผู้เขียน: Annie Murphy Paul
สำนักพิมพ์: อมรินทร์ How to
เราเคยชินกับการคิดว่า “สมอง” คือเครื่องมือหลักในการคิด การตัดสินใจ และการแก้ปัญหา แต่แท้จริงแล้ว พลังความคิดของมนุษย์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกะโหลกศีรษะ — เราสามารถ “ขยาย” ความคิดออกไปสู่ร่างกาย สิ่งแวดล้อม และความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัว
Annie Murphy Paul ชี้ให้เห็นว่า หากเรารู้จักใช้ “สมองขยาย” (Extended Mind) เราจะคิดได้ฉลาดขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น และสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้เหนือกว่าการคิดเพียงลำพัง
ความรู้สึกทางกาย (gut feeling) มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจ
การเคลื่อนไหว เช่น เดินเล่น ออกกำลังกาย หรือแม้แต่ขยับมือ ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
เทคนิค: ก่อนตัดสินใจเรื่องสำคัญ ลองสังเกตร่างกาย เช่น หัวใจเต้นแรง มือเย็น หรือกล้ามเนื้อตึง—นี่คือสัญญาณข้อมูลที่สมองอาจยังไม่ประมวล
สภาพแวดล้อมมีผลโดยตรงต่อคุณภาพความคิด เช่น ห้องที่โปร่ง แสงธรรมชาติ เสียงดนตรีเบา ๆ ช่วยให้สมองเปิดกว้าง
การจัดโต๊ะทำงาน แผนภาพ โพสต์อิท หรือแม้แต่การเขียนลงกระดาษ ช่วย “ดึงความคิดออกมาให้มองเห็น” และทำให้เชื่อมโยงได้ดีกว่าเก็บไว้ในหัว
เทคนิค: จัดมุมทำงานให้ “กระตุ้นสมอง” และสร้าง “แผนที่ความคิด” บนกำแพง/บอร์ด เพื่อเห็นภาพรวมชัดเจน
สมองทำงานได้ดีขึ้นเมื่อเราคิดร่วมกับผู้อื่น ไม่ใช่เพียงการแลกเปลี่ยนความเห็น แต่คือการเปิดรับ “สมองของคนอื่น” เข้ามาเชื่อมโยงกับของเรา
ทีมที่ดีไม่ใช่ทีมที่เก่งที่สุด แต่คือทีมที่สามารถ “ขยายความคิดของกันและกัน”
เทคนิค: เลือกคุยกับคนที่คิดต่าง หรือฝึก “active listening” เพื่อเปิดประตูให้ความคิดใหม่ ๆ ไหลเข้ามา
สมองไม่ใช่เกาะเดี่ยว – ยิ่งเราเปิดให้ร่างกาย สิ่งรอบตัว และผู้คนเข้ามามีส่วนร่วม ความคิดยิ่งทรงพลัง
ความคิดคือสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกด้วย – การเขียน วาด ทำแผนภาพ หรือแม้แต่เคลื่อนไหวร่างกาย คือการช่วยให้สมองทำงานดีขึ้น
นวัตกรรมเกิดจากการเชื่อมโยง – เมื่อเราเรียนรู้ที่จะ “ต่อขยาย” สมอง เราจะคิดได้ก้าวข้ามขอบเขตที่สมองเพียงลำพังไม่สามารถไปถึง
หนังสือเล่มนี้เปลี่ยนมุมมองการคิดไปอย่างสิ้นเชิง จาก “คิดในหัว” → “คิดนอกหัว”
มันทำให้เรากล้าลุกขึ้นเดินเวลาเครียด กล้าพูดคุยกับเพื่อนเพื่อขยายความคิด และกล้าปรับสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างพลังใหม่
เป็นหนังสือที่อ่านแล้ว “อยากบอกต่อ” เพราะแค่เปลี่ยนมุมคิดเล็กน้อย ก็อาจทำให้ชีวิตและงานเปลี่ยนไปมหาศาล
อย่าคิดเพียงในหัว → ขยับร่างกาย
อย่าขังตัวเองในห้องเดิม → ใช้สิ่งแวดล้อมช่วยคิด
อย่าคิดคนเดียว → ฟังผู้อื่นเพื่อขยายสมอง
การประชุมคณะกรรมการบริหารชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย ครั้งที่ ๕
💎ข่าวประชาสัมพันธ์
เสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร – ชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย
การประชุมคณะกรรมการบริหารชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย ครั้งที่ ๕
วันพุธที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เวลา ๑๐.๐๐ น.
ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CA 408 รัฐสภาไทย
รัฐสภาไทยจัดการประชุมคณะกรรมการบริหารชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย ครั้งที่ ๕ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจและพันธกิจในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความเป็นผู้นำเยาวชนไทย ภายใต้แนวคิด “ลูกเสือสร้างสังคมเข้มแข็ง”
การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก **พลตำรวจตรี อังกูร คล้ายคลึง** สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดนครนายก ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย **อาจารย์เฉลิมชัย ไวยชิตา** นำเสนอแนวคิดการออกแบบแบบเหรียญชมรมลูกเสือรัฐสภาต่อการประชุมคณะกรรมการบริหารชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย ครั้งที่ ๕
ภายในที่ประชุมมีการหารือประเด็นสำคัญ อาทิ
การพัฒนาหลักสูตรอบรมผู้นำลูกเสือในสภานิติบัญญัติ
การสร้างเครือข่ายลูกเสือร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและองค์กรภาคประชาชน
การใช้สื่อและกิจกรรมเชิงบูรณาการเพื่อสร้างภาพลักษณ์องค์กร
ชมรมลูกเสือรัฐสภาไทยยังคงมุ่งมั่นทำงานด้วยจิตอาสาและหัวใจเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต
🔮“ลูกเสือรัฐสภา – พลังแห่งความดี เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน”
WORTHY: วิธีสร้างความเชื่อว่าคุณควรค่าที่จะพลิกชีวิตคุณได้อย่างคาดไม่ถึง
ผู้เขียน: Jamie Kern Lima
(ผู้ก่อตั้ง IT Cosmetics จากศูนย์สู่การขายกิจการให้ L'Oréal มูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ และเป็นสตรีคนแรกที่ก่อตั้งและเป็นซีอีโอบริษัทในเครือ L'Oréal สหรัฐฯ)
ปัญหาที่แท้จริงของคนส่วนใหญ่ไม่ใช่ “ขาดความสามารถ” แต่คือ “ขาดความเชื่อว่าตนเองมีคุณค่า”
หากคุณไม่เชื่อว่าตัวเอง “คู่ควร” คุณจะพลาดโอกาสมากมาย แม้มีความฝันหรือศักยภาพเต็มเปี่ยม
หนังสือเล่มนี้คือ “คู่มือสร้างความเชื่อมั่นในคุณค่าตัวเอง” เพื่อปลดล็อกชีวิตที่ดีที่สุด
หลายคนพลาดโอกาสเพราะคิดว่าไม่เก่งพอ สวยพอ หรือฉลาดพอ
Jamie เองเคยถูกปฏิเสธจากนักลงทุนกว่า 100 ครั้ง กว่าจะสร้าง IT Cosmetics ได้สำเร็จ
จุดเปลี่ยนคือ “เชื่อว่าฉันคู่ควรที่จะสำเร็จ”
เรามักวิจารณ์ตัวเองแรงกว่าที่คนอื่นทำ
วิธีเปลี่ยน: พูดกับตัวเองเหมือนพูดกับเพื่อนรัก → อ่อนโยน สนับสนุน และให้กำลังใจ
Identify – รู้จักเสียงที่บั่นทอนคุณค่าในตัวเอง
Interrupt – หยุดมันด้วยการตั้งคำถาม เช่น “จริงเหรอที่ฉันไม่ดีพอ?”
Replace – แทนที่ด้วยความจริงใหม่ที่สร้างพลัง เช่น “ฉันกำลังเรียนรู้และเติบโตทุกวัน”
Affirm – ใช้คำยืนยันตัวเอง (Affirmations) จนกลายเป็นความจริงภายใน
Act – ลงมือทำสิ่งที่ยืนยันว่าคุณคู่ควร เช่น กล้าขอสิ่งที่ต้องการ, กล้าเสนอตัว
การกล้าเปิดเผยข้อบกพร่องและความไม่สมบูรณ์ ไม่ได้ทำให้เราดูน้อยค่า แต่ทำให้เราเป็นมนุษย์ที่ผู้คนเชื่อมโยงได้
Jamie ใช้โมเดลผู้หญิงหน้าสิวจริง ๆ ในการขายเครื่องสำอาง แทนที่จะปกปิด → สร้างการเชื่อมั่นจากลูกค้า
คุณไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาบอกว่าคุณ “มีค่า”
การตัดสินใจว่า “ฉันคู่ควร” เริ่มจากภายในคุณเอง
“การเชื่อว่าคุณคู่ควร อาจเป็นการตัดสินใจที่เปลี่ยนชีวิตได้มากที่สุด”
“คุณไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเพื่อจะคู่ควร”
“จงเชื่อในคุณค่าของตัวเองก่อน เพราะโลกจะเชื่อในคุณก็ต่อเมื่อคุณเชื่อแล้ว”
วิธีเงียบเสียงวิจารณ์ตัวเองและสร้างพลังในใจ
กล้ารับโอกาสใหม่ ๆ และเลิก sabotaging ตัวเอง
มีกำลังใจจากเรื่องราวจริงของผู้หญิงธรรมดาที่สร้างความสำเร็จมหาศาล
เข้าใจว่า “คุณค่าของเรามีอยู่แล้ว ไม่ต้องพิสูจน์ แต่ต้องเชื่อและใช้มัน”
อ่านสนุกและอิน เพราะเต็มไปด้วยเรื่องเล่าจริงจากเส้นทางชีวิตของ Jamie
ใช้ได้จริง ทั้งกับการทำงาน ความสัมพันธ์ และการเติบโตส่วนตัว
ทรงพลัง เพราะเปลี่ยนมุมมองลึก ๆ เกี่ยวกับ “ตัวเรา” ไม่ใช่แค่ทักษะภายนอก
ถือแล้ว “เท่” เพราะนี่คือหนังสือที่ผสมทั้งแรงบันดาลใจและเครื่องมือปฏิบัติ
WORTHY ไม่ใช่แค่หนังสือพัฒนาตัวเอง แต่เป็น “คำเชิญชวนให้คุณกลับมามองเห็นคุณค่าของตัวเอง”
เมื่อคุณเชื่อว่าคุณ “คู่ควร” แล้ว ทุกความสำเร็จ โอกาส และความสุข จะไม่ใช่สิ่งที่คุณไล่ตาม แต่เป็นสิ่งที่คุณเปิดรับได้อย่างมั่นใจ
“ยอดมนุษย์นักสื่อสาร (Supercommunicators)”
ผมจะสรุปหนังสือ “ยอดมนุษย์นักสื่อสาร (Supercommunicators)” โดย Charles Duhigg ให้สมบูรณ์ตามเกณฑ์ที่คุณวางไว้ คือ อ่านแล้วได้แง่คิด ใช้ได้จริง อยากบอกต่อ และมีคุณค่าติดอยู่ในความทรงจำ
ยอดมนุษย์นักสื่อสาร (Supercommunicators)
ผู้เขียน: Charles Duhigg (ชาร์ลส์ ดูฮิก – เจ้าของผลงาน The Power of Habit และ Smarter Faster Better)
สำนักพิมพ์: วีเลิร์น (WeLearn)
หมวดหมู่: จิตวิทยา, การสื่อสาร, การพัฒนาตัวเอง
การสื่อสารไม่ใช่แค่ “พูดเก่ง” หรือ “อธิบายชัด” แต่คือ การเชื่อมโยง ระหว่างหัวใจและสมองของคนสองฝ่าย
คนที่เป็น Supercommunicator ไม่ได้ชนะเพราะคำพูดสวยหรู แต่เพราะเข้าใจว่า “การสนทนาแต่ละครั้งอยู่ในโหมดไหน” และสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม
ชาร์ลส์ ดูฮิก พบว่า การสนทนาเกือบทั้งหมดของมนุษย์ตกอยู่ใน 3 ประเภทหลัก
การสนทนาเชิงปฏิบัติ (Practical Conversation)
เน้นแก้ปัญหา, หาทางออก, แลกเปลี่ยนข้อมูล
เช่น ประชุมงาน วางแผนการเงิน การตัดสินใจร่วมกัน
การสนทนาเชิงอารมณ์ (Emotional Conversation)
เน้นความรู้สึก, การรับฟัง, การเข้าอกเข้าใจ
เช่น เพื่อนเล่าความทุกข์ คู่รักต้องการกำลังใจ
การสนทนาเชิงเอกลักษณ์ (Identity Conversation)
เกี่ยวกับตัวตน ความเชื่อ คุณค่า หรือความหมายในชีวิต
เช่น การพูดถึงความฝัน, ความศรัทธา, ความภาคภูมิใจ
เคล็ดลับของ Supercommunicator คือ
รู้ให้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ใน “โหมดสนทนาไหน” แล้วตอบสนองให้ตรงกับโหมดนั้น
เพราะปัญหาของการสื่อสารส่วนใหญ่เกิดจาก “คุยกันคนละโหมด” เช่น อีกฝ่ายอยากให้ฟัง แต่เรากลับรีบให้คำแนะนำ
การฟังเชิงลึก (Deep Listening)
ฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่ฟังเพื่อโต้ตอบ
ใช้คำถามเปิด เช่น “แล้วคุณรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้?”
การสะท้อน (Mirroring & Labeling)
ทวนสิ่งที่อีกฝ่ายพูดในภาษาของเขาเอง
เช่น “คุณกำลังรู้สึกกังวลใช่ไหม?” → ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกเข้าใจ
การเลือกเล่าเรื่อง (Storytelling for Connection)
ใช้เรื่องเล่าสั้น ๆ ที่เปิดเผยความเป็นมนุษย์
การแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวช่วยลดกำแพงระหว่างกัน
การปรับจังหวะการสนทนา (Pacing & Leading)
เริ่มจากการเข้ากับโหมดของอีกฝ่าย → ค่อย ๆ ชวนไปสู่โหมดที่สร้างทางออก
ตัวอย่าง: เพื่อนกำลังเศร้า → เราฟังอารมณ์ก่อน → ค่อยเสนอแนวทางแก้
ถามตัวเองก่อนคุยทุกครั้ง:
“นี่คือการคุยเรื่องข้อมูล เรื่องอารมณ์ หรือเรื่องตัวตน?”
สร้างพื้นที่ปลอดภัยในการสื่อสาร:
ใช้น้ำเสียง สีหน้า ภาษากาย ให้คู่สนทูกรู้ว่า “เขาสำคัญ”
ให้คุณค่ากับความเงียบ:
บางครั้งการไม่รีบตอบ คือการสื่อสารที่ทรงพลังที่สุด
คนเรามักทะเลาะกันเพราะคุยกันคนละโหมด ไม่ใช่เพราะไม่รักหรือไม่เข้าใจ
คำพูดที่ทรงพลังที่สุด ไม่ใช่คำคม แต่คือคำถามที่ทำให้อีกฝ่ายเปิดใจ
Supercommunicator ไม่ได้พูดมากกว่า แต่เชื่อมโยงได้ดีกว่า
อ่านง่ายเพราะเต็มไปด้วยเรื่องเล่าจากชีวิตจริง + งานวิจัยจิตวิทยา
ได้เทคนิคสื่อสารที่เอาไปใช้ได้ทันที ทั้งในที่ทำงาน, ครอบครัว, และชีวิตประจำวัน
ทำให้ผู้อ่าน “ฉลาดคุยขึ้น” ไม่ใช่แค่ “เก่งพูดขึ้น”
ถือแล้วเท่ เพราะนี่คืองานใหม่จากผู้เขียน The Power of Habit ที่ครั้งหนึ่งเปลี่ยนวิธีคิดคนทั้งโลก
“ยอดมนุษย์นักสื่อสาร” ไม่ได้สอนให้เราพูดเก่ง แต่สอนให้เราเชื่อมโยงกับผู้คนได้ลึกขึ้น
เมื่อคุณเข้าใจว่าการสนทนามี 3 โหมด และเรียนรู้ที่จะฟัง + ปรับตัวได้ตรงจังหวะ คุณจะไม่ใช่แค่คนที่พูดดี แต่จะกลายเป็นคนที่ใคร ๆ ก็อยากคุยด้วย
วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ด้วยศาสตร์ตัวเลขและโหราศาสตร์ไทย–สากล เพื่อสร้างพลังมงคลครบด้าน ร่ำรวย + บารมี + ความสำเร็จ เหมือนการดูดวงให้นักธุรกิจระดับโลก
วันอังคารที่ 12 เดือน 8 ปี 2568
วันที่เกิด: 12 → 1 + 2 = 3 = พลังความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร และโชคจากการพบปะผู้คน
เดือนเกิด: 8 = พลังแห่งความมั่งคั่ง การเงิน และอำนาจการบริหาร
ปีเกิด: 2 + 5 + 6 + 8 = 21 → 2 + 1 = 3 = ตอกย้ำความคิดสร้างสรรค์และความคล่องตัว
วันเกิด: อังคาร ♂ = พลังแห่งความกล้าหาญ ความขยัน และการลงมือทำ
วันเกิดนี้มี พลังการขับเคลื่อนสูง (Mars + เลข 3) ทำให้ตัดสินใจเร็ว ลงมือไว
เมื่อผสานกับพลังเลข 8 เรื่องการเงิน จะเกิดความสามารถสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทำกำไรและต่อยอดธุรกิจได้ดี
ดวงเด่นเรื่อง การเจรจา, การขาย, การลงทุน, และการสร้างเครือข่ายผู้สนับสนุน
ด้าน / เลขมงคล / ความหมาย
💰 การเงิน–ความมั่งคั่ง / 38, 83, 789, 839 / เงินเข้าต่อเนื่อง โอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้น
🪶 บารมี–อำนาจ / 14, 41, 918, 148 / คำพูดมีน้ำหนัก คนยอมรับและให้ความเชื่อถือ
❤️ ความรัก–เมตตา / 24, 42, 69, 96 / มีคนอุปถัมภ์ และมีแรงสนับสนุนจากผู้ใหญ่
🌟 ความสำเร็จรวม / 389, 148, 839 / ครบทั้งเงิน บารมี และชื่อเสียง
ช่วงเวลาทำการสำคัญ: 09:12 – 11:00 น. และ 15:00 – 17:00 น.
ทิศมงคล: ทิศตะวันออก และทิศใต้
สีมงคล: แดง, ส้ม, ทอง, เขียวหยก
ใช้เลขมงคลใน เบอร์โทร, ทะเบียนรถ, หรือรหัสสำคัญ
สวมเครื่องประดับหรือหินนำโชค คาร์เนเลียน (Carnelian) เพื่อเสริมพลังอังคารและความกล้า
ทำบุญบริจาคเพื่อการศึกษา หรือสนับสนุนคนรุ่นใหม่ จะได้พลังกลับมาหลายเท่า
วางของสีแดง/ทองทางทิศตะวันออกของบ้าน เพื่อเรียกพลัง Mars + เงินทอง
“ผู้เกิดวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2568 มีพลังกล้าหาญและการลงมือทำที่รวดเร็ว
เมื่อจับคู่กับพลังการเงินจากเลข 8 และความคิดสร้างสรรค์จากเลข 3
จะสร้างความสำเร็จที่มั่นคง ร่ำรวย และมีบารมีในเวลาไม่นาน”
แน่นอนครับ — ต่อไปนี้คือ สรุปเนื้อหาอย่างสมบูรณ์ระดับโลก ของหนังสือ
📘 “The 5 Levels of Leadership”
ผู้เขียน: John C. Maxwell
หนึ่งในสุดยอดหนังสือพัฒนาภาวะผู้นำที่องค์กรชั้นนำทั่วโลกใช้เป็นแนวทางฝึกอบรม
“ความเป็นผู้นำไม่ใช่ตำแหน่ง แต่คือกระบวนการเติบโต”
John Maxwell แบ่ง ผู้นำออกเป็น 5 ระดับ ที่ไม่ใช่แค่ ‘ขั้นบันได’ แต่คือ ‘วิวัฒนาการของใจผู้นำ’
จากผู้นำที่ “คนต้องตาม” → สู่ผู้นำที่ “คนอยากตาม” เพราะ “เขาทำให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน”
ระดับ : ชื่อระดับ : คำอธิบาย :คีย์เวิร์ด
1️⃣ : Position (ตำแหน่ง) : คนตามเพราะต้องตาม : สิทธิ์
2️⃣ : Permission (ความยินยอม) : คนตามเพราะเขารู้สึกเชื่อใจและอยากตาม :
ความสัมพันธ์
3️⃣ : Production (สร้างผลงาน) : คนตามเพราะผู้นำสร้างผลงานได้จริง : ผลลัพธ์
4️⃣ : People Development (พัฒนาผู้คน) : คนตามเพราะผู้นำ “ยก” เขาให้เติบโต :
การเติบโต
5️⃣ : Pinnacle (จุดสูงสุด) : คนตามเพราะเขา “เคารพในตัวตน” ของผู้นำ : การยอมรับระดับตำนาน
คนตามเพราะ “คุณมีอำนาจตามหน้าที่”
อาศัยอำนาจ ไม่ใช่ความไว้วางใจ
จุดอ่อน: ไม่มีใจคน แรงขับมาจาก “คำสั่ง”
❗ อันตราย: ถ้าผู้นำหยุดพัฒนา จะเป็นผู้นำแค่ในกระดาษ
🛠 ต้องทำ: เริ่มสร้างความสัมพันธ์ ฟังให้มากกว่าสั่ง
คนเริ่มตามเพราะ “เขาอยากตาม ไม่ใช่ต้องตาม”
สร้างด้วย ความสัมพันธ์ ความเข้าใจ ความเห็นใจ
ผู้นำที่มี EQ สูงจะอยู่ระดับนี้ได้ดี
❤️ คนเริ่มเปิดใจให้คุณ เพราะคุณเปิดใจให้เขาก่อน
🛠 ต้องทำ: ฟัง เข้าใจ ช่วยเหลือ ติดดิน
คุณสร้างผลงานที่ชัดเจน ทีมสำเร็จ เป้าหมายถูกบรรลุ
คนรู้สึกภูมิใจที่ตามคุณ เพราะเห็นว่า “ตามแล้วได้ดี”
สร้างวัฒนธรรมของการ ลงมือทำ และ สร้างผลลัพธ์ร่วมกัน
🚀 ทีมงานเติบโต เพราะผู้นำมีวิสัยทัศน์และ “เดินให้เห็น”
🛠 ต้องทำ: แบ่งปันความสำเร็จ ยกเครดิตให้ทีม สร้างวัฒนธรรมความสำเร็จร่วม
คุณลงทุน “สร้างคน” อย่างตั้งใจ
สร้างผู้นำรุ่นต่อไป = สร้างอิทธิพลยั่งยืน
คนรู้สึกว่าคุณ “เปลี่ยนชีวิตเขาได้” → ความผูกพันระดับลึก
🌱 “ความสำเร็จที่แท้คือ การปลุกผู้นำในหัวใจคนอื่น”
🛠 ต้องทำ: สร้างระบบโค้ช / เมนเทอร์ / สนับสนุนการเติบโต
คุณกลายเป็น “ผู้นำระดับตำนาน” ที่เปลี่ยนแปลงองค์กร ชุมชน หรือโลก
คนยกย่องคุณด้วยใจ ไม่ใช่แค่ตำแหน่ง
อิทธิพลของคุณคงอยู่แม้ไม่มีคุณอยู่ตรงนั้นแล้ว
🕊️ คุณกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ส่งต่อความเป็นผู้นำต่อไปอีกหลายรุ่น
🛠 ต้องทำ: รักษาความถ่อมตน, วางระบบสืบทอด, สร้างเครือข่ายผู้นำ
คุณสมบัติ
✔️ มีครบ
อ่านจบแล้วอยากบอกต่อ
✅
ใช้ได้จริงในองค์กร / ธุรกิจ / ชีวิต
✅
ให้แรงบันดาลใจและกลยุทธ์
✅
อ่านสนุก เข้าใจง่าย มีตัวอย่างระดับโลก
✅
เป็น “คู่มือ” ที่ควรมีในมือผู้นำทุกระดับ
✅
ผู้บริหาร / หัวหน้างาน / ผู้นำองค์กร
ครูอาจารย์ / โค้ช / เมนเทอร์
ผู้ที่ต้องการเติบโตด้านภาวะผู้นำอย่างจริงจัง
Position – คนตามเพราะ “ต้องตาม”
Permission – คนตามเพราะ “อยากตาม”
Production – คนตามเพราะ “คุณทำได้จริง”
People Development – คนตามเพราะ “คุณทำให้เขาเติบโต”
Pinnacle – คนตามเพราะ “คุณคือแรงบันดาลใจ”
📖 “Leadership is not about titles or positions. It’s about influence. Nothing more, nothing less.”
— John C. Maxwell
📘 “วิชาใจเบา” (ชื่อภาษาอังกฤษ: Lighter)
📘 “วิชาใจเบา” (ชื่อภาษาอังกฤษ: Lighter)
ผู้เขียน: yung pueblo (ยุง เปบโล)
สำนักพิมพ์: อมรินทร์ How to
หมวดหมู่: จิตวิทยา, การพัฒนาตัวเอง
“การเยียวยาใจ ไม่ได้เกิดจากการวิ่งหนีความเจ็บปวด แต่คือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างเข้าใจ”
yung pueblo นักเขียนที่เป็นที่รู้จักในฐานะ “นักปรัชญายุคใหม่” ถ่ายทอดความเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งของการดูแลใจตนเอง ผ่านบทสั้น ๆ ที่รวมพลังจากการทำสมาธิ การภาวนา และการสังเกตจิตตนเอง จนเกิดเป็นคำแนะนำในการมีชีวิตที่ “เบา สงบ และเปล่งแสง”
แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ที่ค่อย ๆ พาใจผู้อ่านให้ “เบาขึ้น”:
เยียวยาใจ (Healing)
พัฒนาใจ (Evolving)
ขยายพลังภายใน (Expanding Awareness)
“เราจะไม่รู้จักเสรีภาพที่แท้จริง จนกว่าเราจะเข้าใจความกลัวของตัวเอง”
การยอมรับความรู้สึกที่แท้จริง (ทั้งโกรธ เจ็บ เศร้า) คือจุดเริ่มต้นของการเยียวยา
การทำสมาธิ = กระจกสะท้อนความจริงของใจ
ความสัมพันธ์ที่ดี เริ่มจากใจที่ไม่พยายามเปลี่ยนใคร แต่เข้าใจตนเอง
✨ “ใจจะเบาได้ ก็ต่อเมื่อเราไม่แบกสิ่งที่ไม่จำเป็น”
เมื่อใจเริ่มเบา ความคิดจะชัดขึ้น ความสงบจะเกิดขึ้น
“ทุกการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ เริ่มจากการเลือกเล็ก ๆ ที่ถูกต้องในแต่ละวัน”
อารมณ์ไม่ได้บอกว่าเราเป็นใคร แต่อารมณ์คือคลื่นที่เราต้องเรียนรู้จะโต้คลื่นมัน
“วุฒิภาวะคือการเลือกความสงบมากกว่าการเอาชนะ”
เมื่อเราเบา เราจึงมีพื้นที่ให้คนอื่น
ความกรุณาไม่ได้เริ่มที่โลกภายนอก แต่เริ่มจาก “ความอ่อนโยนต่อตัวเอง”
การยกระดับจิตใจ (Spiritual Growth) ไม่ใช่เรื่องลึกลับ แต่มาจากการฝึก “เห็นใจ เห็นตัวเอง”
“อย่าเร่งปลายทาง จงเชื่อในจังหวะของตัวเอง”
🧘♀️ “ใจที่นิ่งสงบ คือพลังที่เปลี่ยนชีวิตได้อย่างแท้จริง”
“การให้อภัยคือของขวัญที่คุณมอบให้ตัวเอง เพื่อปลดปล่อยตัวคุณจากอดีต”
“สิ่งที่ใจคุณต้องการที่สุดไม่ใช่การเปลี่ยนคนอื่น แต่คือการอยู่กับตัวเองอย่างเป็นมิตร”
“ไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่าง แต่ขอแค่เข้าใจใจตัวเอง ก็เพียงพอ”
เกณฑ์
✅ มี
ตัวอย่าง
เนื้อหาดี อยากบอกต่อ
✅
ทุกบทคือคำปลอบใจที่ลึกซึ้งแต่เข้าใจง่าย
ใช้ได้กับชีวิตจริง
✅
แนวทางฝึกใจ, ฝึกสมาธิ, คำถามนำใจตนเอง
ให้คุณค่าเหลือในความทรงจำ
✅
ประโยคสั้น ๆ จำได้ ติดอยู่ในใจ
อ่านง่าย สนุก
✅
รูปแบบบทสั้น มีจังหวะพัก เหมือนบทกลอนสมัยใหม่
ประทับใจ ได้แรงบันดาลใจ
✅
อ่านแล้วอยากกลับไปดูแลใจตัวเองมากขึ้น
คนที่กำลัง Burnout / เครียด / ว้าวุ่นใจ
ผู้ที่อยากเริ่มฝึก “ความสงบภายใน”
คนที่เคยผิดหวังในชีวิตหรือความรัก
ทุกคนที่อยากอยู่กับตัวเองอย่างสงบและงดงามขึ้น
แบบฝึก “ฟังใจตนเอง 5 นาที”
เขียนบันทึก “สิ่งที่ฉันพร้อมจะปล่อยวางวันนี้”
ฝึกหายใจรู้สึกตัว 3 รอบ เมื่ออารมณ์แรง
✨ “ชีวิตที่เบา ไม่ได้เกิดจากการได้ทุกอย่าง แต่เกิดจากการไม่แบกทุกอย่างไว้”
– yung pueblo
Garuda Origin
ภาคที่ 1: ต้นกำเนิดและประวัติศาสตร์
ครุฑเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ ความเป็นอมตะ และการเชื่อมโยงระหว่างสวรรค์และโลก ในตำนานของศาสนาฮินดูและพุทธศาสนา ครุฑเป็นพาหนะของพระวิษณุ เทพผู้พิทักษ์จักรวาล ซึ่งทำให้ครุฑกลายเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความศักดิ์สิทธิ์ในหลายวัฒนธรรมของเอเชีย โดยเฉพาะในอินเดีย ไทย กัมพูชา และชวา
ต้นกำเนิดของครุฑมีการบันทึกในคัมภีร์ฮินดู เช่น มหาภารตะ และ รามายณะ ซึ่งระบุว่าครุฑเป็นบุตรของฤๅษีกัศยปะและนางวินตา พระองค์เกิดมาเพื่อช่วยมารดาที่ถูกสาปให้เป็นทาสของพญานาค โดยครุฑได้รับพลังอำนาจจากพระพรหมและสามารถเอาชนะพญานาคได้ ซึ่งส่งผลให้ครุฑกลายเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของพญานาคตลอดกาล
ในศาสนาพุทธ ครุฑเป็นหนึ่งในสัตว์ทิพย์ที่ปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎกและวรรณกรรมชาดก เช่น เวสสันดรชาดก และ นิทานชาดกบางเรื่อง ซึ่งกล่าวถึงครุฑในฐานะผู้พิทักษ์พระธรรม และบางครั้งมีบทบาทเป็นอริยบุคคลที่ปกป้องพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์จากอำนาจของอสูรหรือพญานาค
ในศิลปะพุทธ ครุฑมักปรากฏในงานสถาปัตยกรรมและประติมากรรม โดยเฉพาะในวัดและเจดีย์ที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะอินเดียและขอม เช่น วัดพระแก้วในประเทศไทยและนครวัดในกัมพูชา ซึ่งมีภาพสลักครุฑกางปีกแบกโครงสร้างสถาปัตยกรรม หรือปรากฏเป็นเครื่องหมายแห่งพระราชอำนาจในตราสัญลักษณ์ของสถาบันกษัตริย์ไทย
Doniger, W. (2010). The Hindus: An Alternative History. Oxford University Press.
Basham, A. L. (1954). The Wonder That Was India. London: Sidgwick & Jackson.
Coedès, G. (1968). The Indianized States of Southeast Asia. University of Hawaii Press.
Gonda, J. (1975). Vedic Literature: (Samhitas and Brahmanas). Otto Harrassowitz Verlag.
Woodward, H. W. (2004). The Art and Architecture of Thailand: From Prehistoric Times to the Present. Brill.
เนื้อหานี้เป็นเพียงภาคต้นของการศึกษาเรื่องครุฑ ซึ่งสามารถขยายไปยังด้านศิลปะ วรรณกรรม และความหมายทางจิตวิญญาณในบริบทของศาสนาและวัฒนธรรมในส่วนถัดไป
หนังสือดี๊ดี โดยเน้นสรุปแก่นจากหนังสือ “ขายด้วยจิตวิทยา: The Psychology of Selling” โดย Brian Tracy แบบกระชับ ชัดเจน และกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจ
จากหนังสือขายดีระดับโลก “The Psychology of Selling”
📘 โดย Brian Tracy
“ภาพลักษณ์ในใจคุณ คือเพดานรายได้ของคุณ”
✅ จงเชื่อว่าคุณช่วยลูกค้าได้จริง
คนซื้อของเพราะ อยากรู้สึกดี ไม่ใช่เพราะฟังก์ชัน
🎯 เจาะใจ ไม่ใช่แค่พูดคุณสมบัติ
ถามเยอะ ฟังให้มาก → เข้าใจลึก → ขายตรงจุด
💬 “อะไรที่คุณอยากได้จากสิ่งนี้มากที่สุด?”
ทุกบทสนทนา = พาไปสู่การ “ตัดสินใจ”
💡 ปิดอย่างนุ่มนวล เช่น “ถ้าจัดส่งภายใน 3 วัน โอเคไหมครับ?”
“คนไม่ได้ซื้อเครื่องเจาะฟัน... เขาซื้อรอยยิ้ม”
✅ เน้นประโยชน์สุดท้ายที่ลูกค้า “จะรู้สึก”
ยอดขาย = จำนวนโทร นัดพบ ติดตามผล
🛠️ ตั้งเป้าทุกวัน ฝึกซ้ำทุกสัปดาห์
นักขายที่รวยที่สุด = นักเรียนรู้ที่ดีที่สุด
🎧 อ่าน ฟัง ฝึก ใช้จริง ซ้ำแล้วซ้ำอีก
"คนที่ขายเก่ง ไม่ใช่เพราะพูดเก่ง แต่เพราะ เข้าใจคน"
"ทุกการขายที่คุณทำได้ = การเปลี่ยนชีวิตใครบางคนให้ดีขึ้น"
📍 เหมาะสำหรับ:
นักศึกษา | พนักงานขาย | ผู้บริหาร | เจ้าของธุรกิจ | นักเจรจา
หนังสือดี๊ด ผมขอสรุปสาระสำคัญเรื่อง “การปรับกระบวนความคิดในยุคดิจิทัล” ให้เข้าใจง่าย อ่านสนุก และนำไปใช้ได้จริง ตามเกณฑ์ที่คุณระบุไว้
(Digital Mindset Shift)
เทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือพาหนะสร้างนวัตกรรม
คนยุคใหม่ไม่เพียงแค่ใช้แอป แต่ต้องมองให้เห็นว่า แอปนั้นตอบโจทย์อะไรของมนุษย์
ถ้าใช้ AI, ChatGPT, หรือ Big Data — จงตั้งคำถามว่า
👉 “เราจะใช้สิ่งนี้ทำให้คนรอบตัวดีขึ้นได้อย่างไร?”
อย่าแค่เร่งเครื่องจักร แต่ต้องออกแบบเครื่องจักรใหม่
แทนที่จะใช้ดิจิทัลเพื่อทำงานซ้ำ ๆ ให้เร็วขึ้น
ลองคิดใหม่ว่า “เราจะเปลี่ยนวิธีคิด-วิธีทำงานทั้งหมดได้ไหม?”
ในยุคดิจิทัล ความรู้เปลี่ยนเร็ว แต่ ใจที่พร้อมเรียนรู้ สำคัญกว่า
ไม่มีใครรู้ทุกอย่างอีกแล้ว
คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่ “ล้มแล้วเรียน–เรียนแล้วลุก”
ทักษะสำคัญยุคนี้คือ Collaboration และ Co-Creation
การสื่อสารข้ามวัฒนธรรม/เครื่องมือ/ทีม คือหัวใจของความสำเร็จ
คนเก่งในยุคนี้ไม่ใช่คนที่ “รู้หมด” แต่คือคนที่ “รู้จักคนที่รู้” แล้วทำงานร่วมกันได้ดี
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน — คนที่อยู่รอด คือคนที่เปลี่ยนแปลงได้เร็ว
Resilience (ยืดหยุ่น) และ Agility (ปราดเปรียว)
คือ “วัคซีน” ทางจิตใจของคนยุคดิจิทัล
“คุณไม่ต้องตามโลกให้ทัน ถ้าคุณเข้าใจโลกแล้วออกแบบชีวิตให้ตอบมัน”
– ปรับความคิด = ปรับอนาคต
📚 อ่านบทความใหม่จากคนต่างวงการสัปดาห์ละ 1 ชิ้น
🤔 ฝึกตั้งคำถาม “จะทำสิ่งนี้แบบใหม่ได้ไหม?” วันละ 1 เรื่อง
💬 แชร์ความรู้/ล้มเหลวกับเพื่อนร่วมทีมทุกสัปดาห์
🌱 เรียนรู้เครื่องมือดิจิทัลใหม่ เดือนละ 1 ตัว (เช่น Notion, Miro, Zapier)
✔️ อ่านแล้วอยากบอกต่อ: ชวนคิด ชวนถาม และใช้ได้จริง
✔️ มีคุณค่าในความทรงจำ: กระชับ เข้าใจง่าย และทันสมัย
✔️ ใช้งานได้จริง: สำหรับคนทำงาน นักศึกษา ผู้บริหารทุกระดับ
✔️ ถือแล้วเท่: ทันโลก และเติบโตไปพร้อมความเปลี่ยนแปลง
ขายดีขึ้นร้อยเท่ากับการตลาดร้อยตอน
《ขายดีขึ้นร้อยเท่ากับการตลาดร้อยตอน》
โดยเน้นให้ได้ทั้ง “แรงบันดาลใจ + เทคนิคใช้ได้จริง + ความรู้ติดตัว”
ซึ่งตอบครบทั้ง 2 เกณฑ์ที่คุณให้ไว้ — คือ อ่านจบแล้วอยากบอกต่อ และ ให้คุณค่าค้างอยู่ในใจ
💡 หมวดหมู่: จิตวิทยา / การพัฒนาตัวเอง / การตลาดเชิงสร้างสรรค์
หนังสือเล่มนี้สอนว่า
“การตลาดที่ดี ไม่ได้เริ่มจากสินค้า แต่เริ่มจาก ‘หัวใจของคน’”
“ขายดีขึ้นร้อยเท่า” ไม่ได้หมายถึงเพิ่มยอดขายแบบมหัศจรรย์ในคืนเดียว
แต่คือการ เข้าใจผู้คนในมิติ 100 เรื่องเล็กๆ ของชีวิตประจำวัน
เพราะ ทุกตอนของชีวิตลูกค้า คือโอกาสทางการตลาด
ผู้เขียนใช้แนวทาง “การตลาด 100 ตอน (Micro-story Marketing)”
ที่รวมศาสตร์ของจิตวิทยา การสื่อสาร การเล่าเรื่อง และพฤติกรรมผู้บริโภค
มาสร้างกลยุทธ์ที่ “เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง และไม่ต้องใช้งบโฆษณามหาศาล”
ธุรกิจจำนวนมากล้มเหลวเพราะมองลูกค้าเป็น “ยอดขาย”
ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมองลูกค้าเป็น “มนุษย์”
→ การฟังความต้องการเชิงลึก (Pain Point & Dream Point) คือหัวใจ
1 ตอน = 1 เหตุการณ์ในชีวิตลูกค้า เช่น
“ลูกค้ารู้สึกดีตอนเปิดกล่องสินค้า”, “ข้อความขอบคุณหลังการซื้อ”
ถ้าทำให้ลูกค้าประทับใจในแต่ละตอน
รวม 100 ตอน = ประสบการณ์แบรนด์ที่ยิ่งใหญ่
มนุษย์เชื่อ “เรื่องราว” มากกว่า “ข้อมูล”
เทคนิค “ร้อยตอน” คือการเล่าประสบการณ์ต่อเนื่อง
ที่เชื่อมโยงจากจุดสนใจ → ความรู้สึก → การซื้อ → การบอกต่อ
ตัวอย่าง:
แทนที่จะพูดว่า “ครีมนี้ดีต่อผิว”
ให้เล่าเรื่อง “คุณแม่วัย 40 ที่กลับมามั่นใจอีกครั้งหลังใช้ 2 สัปดาห์”
การตลาดยุคใหม่คือให้ลูกค้าเป็นผู้เล่าเรื่องแทนเรา
ลูกค้าแต่ละคนคือตอนหนึ่งของแบรนด์
ยิ่งเรื่องเล่าจากลูกค้าจริงมากเท่าไร แบรนด์ยิ่งทรงพลัง
ผู้เขียนอธิบายผ่านหลัก 3C + 3E
3C:
Customer – รู้จักลูกค้าในระดับอารมณ์
Context – เข้าใจบริบทที่ลูกค้าตัดสินใจ
Content – สื่อสารสิ่งที่มีความหมายในเวลาที่เหมาะสม
3E:
Empathy (เข้าใจความรู้สึก)
Emotion (สร้างความรู้สึกดี)
Experience (ให้ประสบการณ์ที่จดจำได้)
ตอน
กลยุทธ์
ตัวอย่างจริง
01
การทักทายครั้งแรก
ใช้ข้อความเปิดแชทที่อบอุ่นแทนข้อความอัตโนมัติ
07
การขอบคุณ
เขียนการ์ดเล็กๆ ใส่สินค้า
15
การเล่าเบื้องหลังแบรนด์
ถ่ายคลิปเล่าเรื่องคนทำงานเบื้องหลัง
33
การสร้างรอยยิ้มหลังการขาย
โทรขอบคุณลูกค้า 1 สัปดาห์หลังซื้อ
52
การให้ความรู้แทนการขาย
เขียนโพสต์ให้คุณค่ากับชีวิต ไม่ใช่ขายของตรงๆ
78
การใช้ภาพเล่าเรื่อง
ใช้รูปคนจริงในคอนเทนต์แทนภาพสต็อก
100
การตลาดด้วยความจริงใจ
กล้าที่จะพูดความจริง แม้ไม่สมบูรณ์แบบ
ผู้เขียนเชื่อว่า “มนุษย์ทุกคนคือเรื่องราว”
และนักการตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือผู้ที่ฟังเรื่องราวนั้นด้วยหัวใจ
การตลาดร้อยตอนจึงไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่เป็น “ทัศนคติใหม่” ของการมองโลก
✅ เข้าใจการตลาดเชิงมนุษย์อย่างลึกซึ้ง
✅ มีแนวทางสร้างแบรนด์แบบยั่งยืนโดยไม่ต้องแข่งราคา
✅ ได้เทคนิคการสื่อสารที่กระตุ้นใจและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว
✅ มองเห็นว่าการตลาดไม่ใช่เรื่องของยอดขาย แต่คือการสร้าง “คุณค่าร่วมกัน”
“ลูกค้าไม่ได้อยากซื้อของที่ดีที่สุด แต่ต้องการซื้อจากคนที่เข้าใจเขามากที่สุด”
“เมื่อคุณเริ่มใส่ใจตอนเล็กๆ ในชีวิตลูกค้า ความสำเร็จจะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องเร่ง”
หนังสือเล่มนี้ “อ่านแล้วอยากบอกต่อทันที”
เพราะมันเปลี่ยนภาพของ “การตลาด” จากความซับซ้อน ให้กลายเป็น “ความเข้าใจมนุษย์อย่างลึกซึ้ง”
อ่านแล้วได้แรงบันดาลใจ + เทคนิคใช้ได้จริง + มุมมองใหม่ที่ทำให้เรารู้ว่า
“ทุกเรื่องเล็กในชีวิตคน คือโอกาสทางธุรกิจ ถ้าเราฟังด้วยหัวใจ”