Art Therapy Training : วางโทรศัพท์ มาจับสี

อบรม: "วางโทรศัพท์ มาจับสี"

วัตถุประสงค์ของการอบรม

1. ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีและสร้างสมดุลทางอารมณ์
   
   

2. ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมศิลปะ
   
   

3. พัฒนาแนวทางการจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ
   
   

4. ใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการสื่อสารอารมณ์และความรู้สึก
   
   

กลุ่มเป้าหมาย

แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม:

1. กลุ่มปกติ: ผู้ที่ต้องการกิจกรรมเพื่อความสุขและผ่อนคลาย
   
   

2. กลุ่มดูแลพิเศษ: ผู้ที่ต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น เด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นหรือพฤติกรรมก้าวร้าว
   
   

การขอความร่วมมือ

1. ครูและผู้ปกครอง:
   
   

   • ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กและสิ่งที่ต้องการแก้ไขหรือพัฒนา
     
     

2. สถานที่และระยะเวลา:
   
   

   • ควรเป็นสถานที่สงบ มีพื้นที่เพียงพอสำหรับทำกิจกรรม
     
     

   • ระยะเวลาการอบรม 3 สัปดาห์ (สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1.5 ชั่วโมง)
     
     

3. อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก:
   
   

   • อุปกรณ์ศิลปะ เช่น สีน้ำ สีไม้ ดินน้ำมัน กระดาษ ฯลฯ
     
     

   • โต๊ะ เก้าอี้ และพื้นที่สำหรับทำงานศิลปะ
     
     

รูปแบบการจัดกิจกรรม

1. พูดคุยเปิดอก & ละลายพฤติกรรม:
   
   

   • ใช้เทคนิคทางจิตวิทยาเพื่อช่วยให้เด็กกล้าแสดงออกและรู้สึกปลอดภัย
     
     

2. ทำกิจกรรมศิลปะ:
   
   

   • วาดภาพ ระบายสี ปั้นดินน้ำมัน ทำคอลลาจ ฯลฯ
     
     

   • การเลือกกิจกรรมจะพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
     
     

3. สังเกตพฤติกรรมและประเมินผล:
   
   

   • สังเกตการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์และพฤติกรรม
     
     

   • ประเมินผลทุกสัปดาห์โดยใช้แบบประเมินเฉพาะ
     
     

4. การติดตามผล:
   
   

   • ให้คำแนะนำกับครูและผู้ปกครองเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมพฤติกรรมที่ดี
     
     

   • ติดตามผลการเปลี่ยนแปลงของเด็กหลังจบกิจกรรม
     
     

ตัวชี้วัดความสำเร็จ

1. พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง: เด็กสามารถจดจ่อกับกิจกรรมได้นานขึ้นและลดการใช้โทรศัพท์
   
   

2. อารมณ์ที่สมดุลขึ้น: ลดความเครียดและอารมณ์หงุดหงิด
   
   

3. ความคิดสร้างสรรค์ที่เพิ่มขึ้น: มีการแสดงออกทางศิลปะที่ดีขึ้น
   
   

4. การสื่อสารและการเข้าสังคมดีขึ้น: กล้าแสดงออกและสื่อสารความรู้สึกผ่านศิลปะ
   
   

บทสรุป

โครงการ "วางโทรศัพท์ มาจับสี" ไม่เพียงช่วยให้เด็ก ๆ ลดการใช้เทคโนโลยี แต่ยังเป็นแนวทางในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เสริมสร้างสมดุลทางอารมณ์ และช่วยให้พวกเขาจัดการความเครียดได้ดีขึ้น ผ่านกระบวนการศิลปะที่สนุกสนานและมีประโยชน์ทางจิตวิทยา